รู้จัก 9 ‘Soft Skills’ ทักษะที่มนุษย์วัยทำงานมีเอาไว้ ได้เปรียบกว่า!


รู้จัก 9 ‘Soft Skills’ ทักษะที่มนุษย์วัยทำงานมีเอาไว้ ได้เปรียบกว่า!

                    นอกจากความถนัดเฉพาะด้าน หรือ Hard skill ที่เป็นจุดแข็งสำหรับใส่ในเรซูเม่ อีกสิ่งหนึ่งที่ฝ่ายบุคคลมองหา และถือเป็นหนึ่งในเกณฑ์การคัดเลือกพนักงาน ก็คือ ‘Soft Skill’ ไม่ว่าคุณจะเพิ่งเรียนจบเป็น First Jobber หรือทำงานมานานปี Soft skill 9 มีติดตัวเอาไว้ รับรองว่าได้เปรียบกว่าแน่นอน มีอะไรบ้าง? ไปดูกัน!

รู้จักกับ Soft Skill ต่างจาก Hard Skill อย่างไร?
                    Hard Skill คือความถนัดเฉพาะด้าน เป็นทักษะที่ใช้ในการสร้างอาชีพ สร้างผลงาน หรือผลิตภัณฑ์ เช่น ทักษะงานช่าง ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ ทักษะการทำอาหาร ทักษะการตัดต่อวิดีโอ และอื่นๆ ที่ก่อให้เกิดรายได้ มองเห็นได้เป็นรูปธรรม
                    ส่วน Soft Skill ไม่ใช่ทักษะที่ก่อให้เกิดผลงานเป็นรูปธรรม แต่เป็นทักษะที่จะช่วยส่งเสริมให้ผลงานที่ออกมามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เรียกว่าเป็นทักษะที่เกี่ยวข้องทางด้านอารมณ์และสังคม ซึ่งมีอิทธิผลและสำคัญกับการทำงานในองค์กรไม่น้อย เพราะฉะนั้น ไปดูกันว่าถ้าอยากเพิ่มประสิทธิภาพให้ตัวเอง Soft Skill อะไรบ้างที่ควรมี..? 

ทักษะการสื่อสาร (Communication)
                    การทำงานที่ขาดการสื่อสารหลายครั้งก่อให้เกิดปัญหา ทั้งเรื่องการเข้าใจไม่ตรงกัน ที่ส่งผลให้เสียเวลา ทำให้งานเดินต่อไม่ได้ หรือถ้าสื่อสารได้ไม่ดี ส่งสารผิดพลาด ก็ทำให้เข้าใจผิด และสร้างความสับสน ดังนั้นแล้ว ไม่ว่าคุณจะทำงานในองค์กร เป็นฟรีแลนซ์ หรือเป็นเจ้าของธุรกิจ ทักษะการสื่อสาร เป็น Soft Skill พื้นฐานที่ควรมี และต้องหมั่นฝึกฝน สื่อสารให้กระชับตรงประเด็น เข้าใจง่าย รู้ระดับภาษาเพื่อเลือกใช้ให้เหมาะกับคู่สนทนา และรู้จักการเลือกใช้ภาษาให้เหมาะสมกับสถานการณ์ เช่น หากต้องการสื่อสารเพื่อขอความร่วมมือ ก็ควรใช้ภาษาที่สุภาพอ่อนน้อม ให้คนฟังรู้สึกว่าเป็นการขอร้อง ไม่ใช้การบังคับ เป็นต้น การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพจะช่วยให้งานเดินต่อได้ และทีมทำงานร่วมกันอย่างเข้าใจ 

ทักษะการจูงใจ โน้มน้าว และต่อรอง (Negotiation and Persuasion)
                    นอกจากทักษะทางการสื่อสารแล้ว คนที่มีศิลปะในการพูด สามารถพูดจูงใจ โน้มน้าว หรือเจรจาต่อรองได้ รับรองว่าเป็นที่ต้องการแน่นอน เพราะในโลกธุรกิจหลายครั้งที่เราต้องออกไปสื่อสารเพื่อโน้มน้าวใจคนฟัง อาจจะด้วยเหตุผลเพื่อขายของ หรือต่อรองผลประโยชน์ หากคุณมีทักษะในการพูดโน้มน้าวให้คนฟังคล้อยตาม หรือสามารถใช้คำพูดต่อรองผลประโยชน์แบบวิน-วินได้สำเร็จ รับรองว่าเป็นต่อในสนามหางาน และช่วยให้คุณเติบโตในสายอาชีพได้แน่นอน 

ทักษะการบริหารเวลา (Time Management)
                    ทักษะการบริหารเวลา เป็นอีกหนึ่ง Soft Skill พื้นฐานที่ควรมี ยิ่งในยุคที่ทุกอย่างเร่งรีบ คนหนึ่งคนมีภาระหน้าที่ต้องรับผิดชอบหลายอย่าง ยิ่งต้องบริหารจัดการเวลาให้เป็น เทคนิคง่ายๆ ที่ช่วยได้ คือ เริ่มต้นจากการมองภาพรวมว่าในหนึ่งวันต้องทำอะไรบ้าง จัดลำดับความสำคัญ และกำหนดเดดไลน์ให้งานแต่ละชิ้น จากนั้นก็ต้องมีวินัย ทำงานตามแผนที่วางไว้ให้เสร็จสิ้น การบริหารเวลาจะช่วยให้ทำงานได้ตามกำหนด สำหรับคนที่บริหารเวลาดีๆ อาจเหลือเวลาไปทำอย่างอื่นนอกจากงานได้อีกด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ความเหมาะสมของการบริหารเวลาก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข และปัจจัยในการใช้ชีวิตของแต่ละคนด้วย

ทักษะการปรับตัว (Adaptability)
                    การปรับตัว เป็น Soft Skill ที่ใช้เพื่อความอยู่รอด เพราะทุกๆ องค์กรต่างมีวัฒนธรรมการทำงานเป็นของตัวเอง บวกกับเพื่อนร่วมงานที่มาจากต่างที่ ต่างถิ่น ต่างครอบครัว การปรับตัวจะช่วยให้เราเข้ากับคนอื่นๆ ได้ ป้องกันการมีปัญหาเมื่อต้องทำงานเป็นทีม แต่การปรับตัวนั้น ไม่ได้หมายความว่าจะต้องปรับตัวโดยการคล้อยตามเห็นด้วยไปทุกอย่าง สิ่งที่ควรทำ คือ ทำความเข้าใจในวัฒนธรรมองค์กร ทำความเข้าใจว่ามนุษย์แต่ละคนมีนิสัยต่างกัน มีความคิดต่างกัน พร้อมกับเปิดใจรับสิ่งใหม่ๆ  มีความยืดหยุ่นทางความคิด ไม่ยึดติดอยู่กับตัวเอง และมีความฉลาดทางอารมณ์ (จะกล่าวถึงต่อไป) หากเราสามารถปรับตัวได้ดี มีความยืดหยุ่นทางความคิดสูง รับรองว่าไปอยู่ที่ไหน ทำงานกับใครก็สบายใจแน่นอน 

ความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Intelligence)
                    ความฉลาดทางอารมณ์ คือ ความสามารถในการควบคุมอารมณ์ พร้อมแสดงออกได้อย่างเหมาะสม แน่นอนว่าในการทำงาน ต่างคนต่างความคิด ประชุมงานแต่ละครั้ง ระดมความคิดแต่ละที ย่อมมีความคิดเห็นที่เราไม่เห็นด้วย หากคุณไม่รู้จักควบคุมอารมณ์ ตอบกลับอย่างเกรี้ยวกราด หรือแสดงความไม่พอใจเมื่อมีคนอื่นไม่เห็นด้วย คุณอาจกลายเป็นคนที่ไม่มีใครอย่างเข้าใกล้ไปโดยปริยาย อย่างที่บอกว่า เราไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยกับทุกความคิดเห็น เพียงแต่ต้องเปิดใจรับฟัง หากต้องการแนะนำความคิดเห็นอื่นๆ ก็ควรแสดงออกอย่างเหมาะสม ดีกว่าการระเบิดอารมณ์ออกไป รวมถึงการไม่นำอคติส่วนตัวไปปะปนกับเรื่องงาน ดังนั้นแล้ว การมีความฉลาดทางอารมณ์ ถือเป็น Soft skill ที่สำคัญ ช่วยให้เราดูเป็นมืออาชีพ และทำงานร่วมกับคนอื่นๆ ได้ 

ทักษะการทำงานร่วมกับผู้อื่น (Collaboration)
                   ทักษะการทำงานร่วมกับผู้อื่น เป็น Soft Skill ที่รวบรวมทักษะหลายๆ อย่างเข้ามาไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น ทักษะการบริหารเวลา, ทักษะการปรับตัว, ทักษะการสื่อสาร รวมไปถึงความฉลาดทางอารมณ์ นอกจากนั้น ยังควรใช้ทักษะการสังเกต ศึกษาเพื่อนร่วมงานแต่ละคน ใครถนัดด้านไหน? สไตล์การทำงานเป็นแบบไหน? ควรใช้วิธีไหนในการเข้าหา? เผื่อวันหนึ่งที่ต้องขอความช่วยเหลือ จะได้พูดคุยและทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น 

ทักษะการคิดวิเคราะห์ (Critical Thinking)
                   ทุกวันนี้ข้อมูลมหาศาลผ่านมาให้เราเสพอยู่ทุกวัน ท่ามกลางข้อมูลมากมายเหล่านี้ หากเรารับสารโดยไม่ผ่านการคิดวิเคราะห์ (Critical Thinking) คือ ไม่มีวิจารณญาณ ไม่มีการหาเหตุผล เราอาจกลายเป็นคนที่เชื่อทุกอย่าง ขาดความคิดที่รอบคอบ ไม่มีจุดยืน พวกมากลากไป ขาดการแยกแยะ และอาจส่งต่อข้อมูลแบบผิดๆ ให้คนอื่น เพราะไม่ได้ตรวจสอบข้อมูลที่ได้รับมา ซึ่งจะเป็นปัญหาต่อประสิทธิภาพของงาน รวมไปถึงการทำงานร่วมกับผู้อื่น การฝึกเพื่อพัฒนาทักษะคิดวิเคราะห์ แนะนำให้ผึกตั้งคำถามกับข้อมูลที่ได้รับมา ตั้งคำถามกับข้อสรุปต่างๆ ที่เกิดขึ้น ลองหาข้อมูลจากหลายๆ แหล่งมาเปรียบเทียบ ก่อนจะสรุปเป็นความคิดของตัวเอง แน่นอนว่าก็ต้องอาศัยเวลาและประสบการณ์ แต่การมีทักษะคิดวิเคราะห์ นอกจากจะทำให้เราไม่เป็นคนที่เชื่อทุกอย่างแล้ว ยังช่วยให้เราตัดสินใจได้เร็ว เด็ดขาด และถูกต้อง สามารถนำไปต่อยอดเพื่อพัฒนาการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้อีกด้วย

ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity)
                   หากคุณคิดว่าความคิดสร้างสรรค์ เป็นเรื่องเฉพาะของคนที่ทำงานสายอาร์ต คุณคิดผิด! เพราะการใช้ความคิดสร้างสรรค์ เป็นทักษะที่แฝงอยู่ในทุกๆ อาชีพ เช่น คุณครูจะออกแบบสื่อการเรียนการสอนยังไงให้นักเรียนไม่เบื่อ, คนเขียนบท จะเขียนบทละครยังไงให้สนุก และไม่จำเจ, เชฟจะรังสรรค์เมนูอาหารแบบไหนให้ดึงดูดลูกค้าได้, คนพัฒนาเว็บไซต์จะออกแบบยังไงให้ลูกค้าใช้งานง่ายที่สุด หรือ ฝ่ายขายจะคิดโปรโมชั่นแบบไหนเพื่อเพิ่มยอดขายให้บริษัทได้ เป็นต้น
                   ความคิดสร้างสรรค์ ไม่มีหลักสูตรการผึกฝนที่ตายตัว เพียงแค่คุณลองคิดนอกกรอบ มองหลายๆ มุม เปิดใจกว้างรับมุมมองความคิดเห็นจากคนอื่นๆ อยากรู้อยากเห็น เพื่อนำความรู้ใหม่ๆ และความคิดเห็นต่างๆ เหล่านั้น มาพัฒนาต่อยอดไปเป็นสินค้าหรือบริการที่แปลกใหม่ และน่าสนใจ เชื่อเถอะว่าการหมั่นฝึกฝน และใส่ความคิดสร้างสรรค์ลงไปในการทำงาน จะทำให้คุณสามารถพัฒนาตัวเอง และเป็นที่ต้องการของบริษัทได้แน่นอน 

แหล่งที่มา  : www.huapood.com , blog.jobthai.com