ทำงานอย่างไร? ให้ได้รับเงินเดือน โบนัส และสวัสดิการสูงขึ้น
สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่าน บทความตอนนี้ผมได้แนวคิดระหว่างที่ไปบรรยาย หลักสูตรการสร้างความตระหนัก และการเป็นเจ้าของงาน (Sense of belonging and ownership) โดยระหว่างที่บรรยายหัวข้อแนวทางในการสร้างให้พนักงานเกิดความรู้สึกรักในงานที่ทำ และอยากที่จะปรับเปลี่ยนตนเองให้ทำงานได้ดีขึ้น ผมได้ตั้งคำถามให้กับผู้เรียนว่า
อยากได้เงินเดือน โบนัส สวัสดิการดีกว่านี้ไหม?
ทุกคนในห้องตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า “อยาก...”
ผมจึงเล่าเรื่องการทำงานาของ ชายสามคน โดยก่อนที่จะเล่าผมมีคำถามให้กับผู้เรียนว่า
“ถ้าท่านเป็นผู้บริหาร ท่านอยากใจขึ้นเงินเดือนให้กับใครมากที่สุด?”
แล้วผมก็เริ่มเล่า ที่บริษัทผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์แห่งหนึ่ง ผู้บริหารกำลังพิจารณาผลการปฏิบัติงานประจำปี เพื่อขึ้นเงินเดือน และเลื่อนขั้นไปเป็นหัวหน้างานในแผนกที่เพิ่งเปิดใหม่ โดยมีพนักงานสามคนดังนี้
คนแรก นายก้าวหน้า โดยทำงานเกินร้อย เขามักจะมาทำงานก่อนเวลา จากนั้นก็ตรวจสอบเครื่องจักร เครื่องมือ และอ่านสมุดต่อกะเพื่อหาข้อมูลที่จำเป็นทั้งหมดก่อนเริ่มงานเสมอ และระหว่างที่ทำงาน เขาก็มักจะสังเกตงานที่ทำ ว่ามีสิ่งผิดปกติ หรือความผิดพลาดใดบ้างเกิดขึ้น ซึ่งถ้ามีปัญหา เขาก็จะรีบแจ้งให้กับหัวหน้างานทราบอย่างรวดเร็ว และเสนอแนวทางในการแก้ไขป้องกันปัญหา สำหรับคติพจน์ประจำใจของเขาก็คือ “ทำงานเหมือน ทำของขวัญ” โดยเราจะต้องทำงานให้ดีที่สุด เหมือนกับกำลังทำของขวัญชิ้นพิเศษให้กับผู้ที่จะรับงานต่อจากเรา หรือลูกค้า ดังนั้นต้องตั้งใจทำให้ดีที่สุด ทำให้ความผิดพลาด (Zero Error) และของเสียเป็นศูนย์ (Zero Defect)
คนที่สอง นายเสมอตัว เขามาทำงาน ตรงเวลา เลิกงานก็ตรงเวลา ทำงานตามมาตรฐาน ที่หัวหน้าบอก ทุกขั้นตอน อย่าไปทำอะไรเกินตัว เดี๋ยวพลาดแล้วจะเรื่องใหญ่ คติพจน์ประจำใจ “ทำตามที่สั่ง ทำตามหน้าที่ อย่างนี้ปลอดภัยที่สุด”
คนที่สาม นายทนทำ เขาขอเป็นคนสุดท้ายที่เข้ามาทำงาน ประมาณว่า รูดบัตรปื๊ด ก็ แปดโมงปั๊บ เสียงเพลงเคารพธงชาติดังพอดี แต่พอเวลาเลิกงานจะกลับบ้าน ขอเป็นคนแรก คนอื่นห้ามแซง ประมาณว่า เสียงกริ่งเลิกงานดังปุ๊บ เสียงรูดบัตรติ๊ดของเขา ก็ตามมาปั๊บ ทำงานแบบไม่เต็มร้อย วันๆ จ้องแต่จะรอให้ถึง เวลาพัก กับเวลาเลิกงาน คติพจน์ประจำใจคือ “ทำเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก”
อธิบายจบ ทุกคนก็มีคำตอบในใจแล้วว่าใครคือคนที่ใช่ และสมควรที่จะได้เงินขึ้นเงินเดือนสูงกว่า และได้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น ก่อนจะขึ้นหัวข้อต่อไป ผมฝากคำถามทิ้งท้ายให้กับผู้เรียนได้คิดต่อว่า
“แล้วปัจจุบัน ท่านทำงานเหมือนกชายคนใด หนึ่ง นายก้าวหน้า สอง นายเสมอตัว และสาม นายทนทำ” คำถามนี้ทำให้ผู้เรียนหลายคนได้ทบทวน และรู้ว่าต้องเปลี่ยนแปลงตนเองอย่างไร เพื่ออนาคตของตนเอง และครอบครัว
สุดท้าย ขอฝากคมคิดสะกิดใจว่า “กรรม คือ ผลของการกระทำ ถ้าขยัน ก็ก้าวหน้า ร่ำรวย มีความสุข ถ้าขี้เกียจ ก็ล้าหลัง ขัดสน จมอยู่ในกองทุกข์ ชีวิตเรา ใช้ซะให้ถูกต้อง” ขอให้ทุกท่านเป็นนายก้าวหน้ากันทุกๆคน โชคดีนะครับ
ขอบคุณบทความดีจาก อ.ทองพันชั่ง พงษ์วารินทร์