คำสอนของแม่ กับ ทฤษฎี มาร์ชมาลโลว์


 คำสอนของแม่ กับ ทฤษฎี มาร์ชมาลโลว์


ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นหน้าที่ของลูกทุกคนที่ต้องให้ความสำคัญกับแม่ และระลึกถึงพระคุณ และคำสอนของแม่เสมอมา แต่ในช่วงสามปีนี้ผมมีความรู้สึกรัก และเป็นห่วงแม่ มากกว่าเดิม นั่นอาจเป็นเพราะมีลูกสาวนั่นเอง ซึ่งคำพูดของผู้ใหญ่ที่ผมมักจะได้ยินเสมอว่า

“คนที่มีลูก จะรักพ่อ และแม่ของตนเองมากขึ้นกว่าเดิม”


ใน ตอนเด็กผมฟังแล้วก็ไม่เชื่อ จะเป็นไปได้ยังไง เพราะยังไงๆผมก็รักพ่อ แม่ ของผมสุดหัวใจอยู่แล้ว แต่อย่างที่เล่าให้ฟังละครับ คำโบราณเกิดเป็นจริงกับผมแล้วในวันนี้  ผมก็มารู้สึกกับตัวเอง เมื่อถึงเวลาของมัน

จากเหตุการณ์นี้ทำให้ผมนึกถึงอีกหนึ่งแนวคิดที่ ผู้ใหญ่มักจะสอนเด็กๆ ผมจำได้ว่าสมัยเด็กๆ เมื่อถึงหน้ามะม่วงเราก็อยากกิน รีบไปสอยมากินกันทั้งๆที่ยังไม่สุกดี เห็นหัวเหลืองๆ ก็รีบไปสอยมาแล้ว เพื่อสนองความอยาก ปรากฏว่าบางลูกก็เปรี้ยวจี๊ดกินไม่ได้ต้องทิ้ง หรือบางทีก็ต้องจำใจกินให้ได้มากที่สุดเพราะกลัวแม่ตี คำสอนของแม่ผมจำขึ้นใจว่า

 “ถ้ามะม่วงยังไม่สุกดี อย่ารีบไปสอย มันจะเสียของ กินไม่ได้ หรือถ้ากินก็ไม่อร่อย สุดท้ายก็ต้องทิ้ง

การใช้ชีวิตก็เหมือนกัน อย่าชิงสุดก่อนห่าม ทำอะไรอย่ารีบร้อน ค่อยเป็นค่อยไป มิเช่นนั้น มันจะเสียหาย เหมือนมะม่วง ที่เรารีบไปสอยเอามากิน ตอนที่มันยังไม่สุกนั่นแหละ ถ้าอยากกินของอร่อยก็ต้องรู้จักรอ อย่างใจร้อน ถ้าอยากจะประสบความสำเร็จต้องมีความอดทน และรู้จักรอ ”

คำสอนของแม่ นี้สอดคล้องกับทฤษฎีของมาสเมลโล่เป๊ะ โดยทฤษฎีนี้เกิดจากงานวิจัยของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด (Stanford university) วิธีการทดลอง คือ ปล่อยให้เด็กน้อย อยู่ในห้องคนเดียว แล้วแจกขนมมาร์ชเมลโลว์ เพียง 1 ก้อน แล้วให้สัญญากับเขาว่าถ้าภายในระยะเวลา 15 นาทีไม่กินขนมนี้เลย จะเพิ่มขนมให้หนูน้อยอีก 1 ก้อน รวมเป็น 2 ก้อน หลังจากการทดลองนั้นเขายังได้ติดตามเด็กกลุ่มนี้ต่อไปอีก 10 ปี แล้วดูว่าเด็กแต่ละกลุ่มมีชีวิตเป็นอย่างไรบ้าง?

จากการติดตามผลเด็ก น้อยที่เข้าร่วมการทดลองพบว่า เด็กที่รู้จักรอเวลา หรือสามารถยับยั้งชั่งใจได้นานกว่า จะมีผลการเรียนที่ดีกว่า สามารถเข้ากับผู้อื่นได้ดีกว่า และมีความสามารถในการบริหารจัดการความเครียดได้ดีกว่า และประสบความสำเร็จในชีวิตได้มากกว่า เด็กที่ไม่สามารถบังคับใจตนเอง และกินขนมนั้นอย่างรวดเร็ว  หรือสรุปได้ว่า  การห้ามใจไม่ให้ทำให้ทำสิ่งที่ต้องการ หรือทำให้เกิดความพึงพอใจในตอนเด็ก ส่งผลทำให้ประสบความสำเร็จสูงเมื่อเป็นผู้ใหญ่

 เป็นอย่างไรบ้างครับ ว่า คำแม่สอน นั้นมีคุณค่า สุดประเสริฐ และเป็นประโยชน์ต่อชีวิตลูกเสมอ แม้คำสอนในตอนนั้นเราอาจจะยังไม่เข้าใจ แต่เชื่อเถอะครับว่า การที่เราเชื่อ พ่อ แม่ ชีวิตมีแต่ความเจริญรุ่งเรืองอย่างแน่นอน และการที่ผมมีวันนี้ได้ก็เพราะคุณแม่ คุณพ่อ ผมนี่ละครับ นี่เป็นเกร็ดเล็กๆ ที่นำมาฝากในสัปดาห์ของวันแม่ครับ สุดท้าย ขอฝากคมคิดสะกิดใจว่า“แม่ คือ พระของลูก” ขอบคุณครับ

ขอบคุณบทความดีๆจาก อ.ทองพันชั่ง พงษ์วารินทร์